รายงานผลการประเมิน
พระนครศรีอยุธยา
/ กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนบน100
-
รายละเอียดตัวชี้วัด
Thai People Map and Analytic Platform : TPMAP ระบบบริหารจัดการข้อมูลการพัฒนาคนแบบชี้เป้า คือ ระบบฐานข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) เพื่อบริหารจัดการข้อมูลการพัฒนาคนตลอดทุกช่วงวัย และการแก้ไขปัญหาความยากจนและเหลื่อมล้ำแบบชี้เป้า เป็นระบบที่ใช้ระบุปัญหาความยากจนรายประเด็น ในระดับบุคคล ครัวเรือน ชุมชน ท้องถิ่น/ท้องที่ จังหวัด และประเทศ
ระบบ TPMAP ใช้วิธีการคำนวณดัชนีความยากจนหลายมิติ (Multidimensional Poverty Index : MPI) คือ ผู้ที่มีคุณภาพชีวิตต่ำกว่าเกณฑ์คุณภาพชีวิตที่ดี 5 มิติ ได้แก่ ด้านสุขภาพ ด้านการศึกษา ด้านรายได้ ด้านความเป็นอยู่ และด้านการเข้าถึงบริการภาครัฐ
ประเด็นการประเมิน | ผลการดำเนินงาน |
---|---|
การขับเคลื่อนการดำเนินงานของศูนย์อำนวยการขจัดความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (ศจพ.) | 100.00 (ร้อยละ) |
รายละเอียดตัวชี้วัด
2.1 ความสำเร็จของการจัดการหมอกควันและไฟป่า (Hotspots)
2.2 คุณภาพน้ำของแม่น้ำสายหลักอยู่ในเกณฑ์ดีเพิ่มขึ้น
2.3 รายได้จากการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ
2.4 รายได้จากการท่องเที่ยวของผู้เยี่ยมเยือนชาวไทย
รายละเอียดตัวชี้วัด
พิจารณาจากค่าคะแนนดัชนีคุณภาพน้ำแหล่งน้ำผิวดิน (Water Quality Index : WQI) ของแม่น้ำสายหลักในจังหวัด เฉลี่ยในรอบปีงบประมาณ พ.ศ. 2566)
ดัชนีคุณภาพน้ำแหล่งน้ำผิวดิน (Water Quality Index : WQI) การประเมินผลลัพธ์ค่าคะแนนรวมของคุณภาพน้ำ 5 พารามิเตอร์ ได้แก่
1) ออกซิเจนละลายน้ำ : DO
2) ความสกปรกในรูปสารอินทรีย์ : BOD
3) การปนเปื้อนของกลุ่มแบคทีเรียกลุ่มโคลิฟอร์มทั้งหมด : TCB
4) การปนเปื้อนของกลุ่มแบคทีเรียกลุ่มฟีคอลโคลิฟอร์มทั้งหมด : FCB
5) แอมโมเนีย : NH3-N
ค่าคะแนนรวมของคุณภาพน้ำ 5 พารามิเตอร์ มีหน่วยเป็นคะแนน เริ่มจาก 0 ถึง 100 คะแนน ดังนี้
91 - 100 คะแนน คุณภาพน้ำอยู่ในเกณฑ์ดีมาก
71 - 90 คะแนน คุณภาพน้ำอยู่ในเกณฑ์ดี
61 - 70 คะแนน คุณภาพน้ำอยู่ในเกณฑ์พอใช้
31 - 60 คะแนน คุณภาพน้ำอยู่ในเกณฑ์เสื่อมโทรม
0 - 30 คะแนน คุณภาพน้ำอยู่ในเกณฑ์เสื่อมโทรมมาก
ประเด็นการประเมิน | ผลการดำเนินงาน |
---|---|
คุณภาพน้ำของแม่น้ำสายหลักอยู่ในเกณฑ์ดีเพิ่มขึ้น |
รายละเอียดตัวชี้วัด
• พิจารณาจากค่าคะแนนดัชนีคุณภาพน้ำแหล่งน้ำผิวดิน (Water Quality Index : WQI)
ของแม่น้ำสายหลักในจังหวัด เฉลี่ยในรอบปีงบประมาณ พ.ศ. 2566)
• ดัชนีคุณภาพน้ำแหล่งน้ำผิวดิน (Water Quality Index : WQI) การประเมินผลลัพธ์ค่าคะแนนรวมของคุณภาพน้ำ 5 พารามิเตอร์ ได้แก่
1) ออกซิเจนละลายน้ำ : DO
2) ความสกปรกในรูปสารอินทรีย์ : BOD
3) การปนเปื้อนของกลุ่มแบคทีเรียกลุ่มโคลิฟอร์มทั้งหมด : TCB
4) การปนเปื้อนของกลุ่มแบคทีเรียกลุ่มฟีคอลโคลิฟอร์มทั้งหมด : FCB
5) แอมโมเนีย : NH3-N
• ค่าคะแนนรวมของคุณภาพน้ำ 5 พารามิเตอร์ มีหน่วยเป็นคะแนน เริ่มจาก 0 ถึง 100 คะแนน ดังนี้
91 - 100 คะแนน คุณภาพน้ำอยู่ในเกณฑ์ดีมาก
71 - 90 คะแนน คุณภาพน้ำอยู่ในเกณฑ์ดี
61 - 70 คะแนน คุณภาพน้ำอยู่ในเกณฑ์พอใช้
31 - 60 คะแนน คุณภาพน้ำอยู่ในเกณฑ์เสื่อมโทรม
0 - 30 คะแนน คุณภาพน้ำอยู่ในเกณฑ์เสื่อมโทรมมาก
ประเด็นการประเมิน | ผลการดำเนินงาน |
---|---|
แม่น้ำเจ้าพระยาตอนกลาง | 70.00 (คะแนน) |
รายละเอียดตัวชี้วัด
• พิจารณาจากค่าคะแนนดัชนีคุณภาพน้ำแหล่งน้ำผิวดิน (Water Quality Index : WQI)
ของแม่น้ำสายหลักในจังหวัด เฉลี่ยในรอบปีงบประมาณ พ.ศ. 2566)
• ดัชนีคุณภาพน้ำแหล่งน้ำผิวดิน (Water Quality Index : WQI) การประเมินผลลัพธ์ค่าคะแนนรวมของคุณภาพน้ำ 5 พารามิเตอร์ ได้แก่
1) ออกซิเจนละลายน้ำ : DO
2) ความสกปรกในรูปสารอินทรีย์ : BOD
3) การปนเปื้อนของกลุ่มแบคทีเรียกลุ่มโคลิฟอร์มทั้งหมด : TCB
4) การปนเปื้อนของกลุ่มแบคทีเรียกลุ่มฟีคอลโคลิฟอร์มทั้งหมด : FCB
5) แอมโมเนีย : NH3-N
• ค่าคะแนนรวมของคุณภาพน้ำ 5 พารามิเตอร์ มีหน่วยเป็นคะแนน เริ่มจาก 0 ถึง 100 คะแนน ดังนี้
91 - 100 คะแนน คุณภาพน้ำอยู่ในเกณฑ์ดีมาก
71 - 90 คะแนน คุณภาพน้ำอยู่ในเกณฑ์ดี
61 - 70 คะแนน คุณภาพน้ำอยู่ในเกณฑ์พอใช้
31 - 60 คะแนน คุณภาพน้ำอยู่ในเกณฑ์เสื่อมโทรม
0 - 30 คะแนน คุณภาพน้ำอยู่ในเกณฑ์เสื่อมโทรมมาก
ประเด็นการประเมิน | ผลการดำเนินงาน |
---|---|
แม่น้ำน้อย | 74.00 (คะแนน) |
รายละเอียดตัวชี้วัด
• พิจารณาจากค่าคะแนนดัชนีคุณภาพน้ำแหล่งน้ำผิวดิน (Water Quality Index : WQI)
ของแม่น้ำสายหลักในจังหวัด เฉลี่ยในรอบปีงบประมาณ พ.ศ. 2566)
• ดัชนีคุณภาพน้ำแหล่งน้ำผิวดิน (Water Quality Index : WQI) การประเมินผลลัพธ์ค่าคะแนนรวมของคุณภาพน้ำ 5 พารามิเตอร์ ได้แก่
1) ออกซิเจนละลายน้ำ : DO
2) ความสกปรกในรูปสารอินทรีย์ : BOD
3) การปนเปื้อนของกลุ่มแบคทีเรียกลุ่มโคลิฟอร์มทั้งหมด : TCB
4) การปนเปื้อนของกลุ่มแบคทีเรียกลุ่มฟีคอลโคลิฟอร์มทั้งหมด : FCB
5) แอมโมเนีย : NH3-N
• ค่าคะแนนรวมของคุณภาพน้ำ 5 พารามิเตอร์ มีหน่วยเป็นคะแนน เริ่มจาก 0 ถึง 100 คะแนน ดังนี้
91 - 100 คะแนน คุณภาพน้ำอยู่ในเกณฑ์ดีมาก
71 - 90 คะแนน คุณภาพน้ำอยู่ในเกณฑ์ดี
61 - 70 คะแนน คุณภาพน้ำอยู่ในเกณฑ์พอใช้
31 - 60 คะแนน คุณภาพน้ำอยู่ในเกณฑ์เสื่อมโทรม
0 - 30 คะแนน คุณภาพน้ำอยู่ในเกณฑ์เสื่อมโทรมมาก
ประเด็นการประเมิน | ผลการดำเนินงาน |
---|---|
แม่น้ำป่าสัก | 65.00 (คะแนน) |
รายละเอียดตัวชี้วัด
- พิจารณาจากการซื้อสินค้าและบริการต่าง ๆ ระหว่างการท่องเที่ยวในประเทศไทย ทั้งเพื่อตนเองหรือเป็นของฝาก ซึ่งครอบคลุมรายได้จากผู้เยี่ยมเยือนชาวไทย (ผู้ที่เดินทางท่องเที่ยวไปยังสถานที่ที่มิใช่ถิ่นที่อยู่ปกติ) ทั้งแบบพักค้างคืน และเช้าไป - เย็นกลับ
สูตรคำนวณ :
รายได้จากการท่องเที่ยวของผู้เยี่ยมเยือนชาวไทย
= รายได้จากนักท่องเที่ยวชาวไทย (ค้างคืน)+รายได้จากนักทัศนาจรชาวไทย (ไม่ค้างคืน)
= (จำนวนนักท่องเที่ยวชาวไทยxจำนวนวันพักเฉลี่ยxค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อหัวต่อวัน) + (จำนวนนักทัศนาจรxค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อหัวต่อวัน)
เกณฑ์การประเมิน : (อ้างอิงจากข้อมูลผลการดำเนินงานที่ผ่านมาของจังหวัด)
ประเด็นการประเมิน | ผลการดำเนินงาน |
---|---|
รายได้จากการท่องเที่ยวของผู้เยี่ยมเยือนชาวไทย | 13,121.92 (ล้านบาท) |
รายละเอียดตัวชี้วัด
ตัวชี้วัด : ความสำเร็จในการพัฒนาและส่งเสริมผลิตภัณฑ์ชุมชน
(1) รายได้จากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชุมชน (OTOP)
(2) ร้อยละที่เพิ่มขึ้นของรายได้จากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชุมชน (OTOP) โดยผ่านช่องทางออนไลน์
(3) ร้อยละของจำนวนใบรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน (มผช.)
ประเด็นการประเมิน | ผลการดำเนินงาน |
---|---|
ความสำเร็จในการพัฒนาและส่งเสริมผลิตภัณฑ์ชุมชน |
รายละเอียดตัวชี้วัด
รายได้จากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชุมชน (OTOP) ประเมินจากรายได้การจำหน่ายผลิตภัณฑ์
หนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) ปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 (1 ตุลาคม 2565-30 กันยายน 2566) ของจังหวัด
เกณฑ์การประเมิน : (อ้างอิงจากข้อมูลผลการดำเนินงานที่ผ่านมาของจังหวัด)
ประเด็นการประเมิน | ผลการดำเนินงาน |
---|---|
รายได้จากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชุมชน (OTOP) | 6,851.36 (ล้านบาท) |
รายละเอียดตัวชี้วัด
พิจารณาจากรายได้การจำหน่ายผลิตภัณฑ์ หนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) ปีงบประมาณ
พ.ศ. 2566 (1 ตุลาคม 2565-30 กันยายน 2566) โดยผ่านช่องทางออนไลน์ (ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์) เปรียบเทียบกับรายได้จากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ หนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) โดยผ่านช่องทางออนไลน์ (ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์) ปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 (1 ตุลาคม 2564-30 กันยายน 2565)
ตลาดออนไลน์ คือ การทำการตลาดในสื่อออนไลน์ เพื่อเผยแพร่หรือโฆษณาให้ผลิตภัณฑ์ OTOP เป็นที่รู้จัก ตลอดจนการซื้อการขาย ซึ่งทำการตลาดในสื่อออนไลน์ เช่น โฆษณา Facebook โฆษณา line โฆษณา Google โฆษณา Youtube โฆษณา Instagram เว็บไซต์ หรือผ่านแฟลตฟอร์มอื่น เป็นต้น
ขอบเขตการประเมิน ผลิตภัณฑ์ OTOP ที่จำหน่ายในแพลตฟอร์ม หรือสื่อออนไลน์
สูตรคำนวณ : (รายได้จากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชุมชน (OTOP) ผ่านช่องทางออนไลน์ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2566–รายได้จากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชุมชน (OTOP) ผ่านช่องทางออนไลน์ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2565)/
รายได้จากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชุมชน (OTOP) ผ่านช่องทางออนไลน์ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 x 100
เกณฑ์การประเมิน : (กรมการพัฒนาชุมชนกำหนดค่าเป้าหมาย)
ประเด็นการประเมิน | ผลการดำเนินงาน |
---|---|
ร้อยละที่เพิ่มขึ้นของรายได้จากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชุมชน (OTOP) โดยผ่านช่องทางออนไลน์ | 16.48 (ร้อยละ) |
รายละเอียดตัวชี้วัด
วัดผลสำเร็จจากจำนวนคำขอที่ยื่นขอรับการรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน (มผช.)
ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 และได้รับใบรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน (มผช.) ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 เทียบกับจำนวนคำขอรับการรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน (มผช.) ทั้งหมดในปีงบประมาณ พ.ศ. 2566
การให้การรับรองคุณภาพผลิตภัณฑ์ตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน (มผช.) เป็นการยกระดับผลิตภัณฑ์ให้มีคุณภาพ มาตรฐาน และคงรักษาไว้ซึ่งคุณภาพ เพื่อให้สินค้า OTOP เป็นที่ยอมรับ และเพิ่มความน่าเชื่อถือแก่ผู้บริโภคทั้งในประเทศและต่างประเทศ
จำนวนคำขอรับการรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน (มผช.) ทั้งหมด เป็นจำนวนคำขอรับการรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน (มผช.) เป้าหมายตามแผนการดำเนินงานที่ได้รับการจัดสรรประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566
สูตรคำนวณ : (จำนวนใบรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน (มผช.) ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2566) / (จำนวนคำขอรับการรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน (มผช.) ทั้งหมด ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2566) x 100
ประเด็นการประเมิน | ผลการดำเนินงาน |
---|---|
ร้อยละของจำนวนใบรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน (มผช.) ของจังหวัด | 93.00 (ร้อยละ) |
รายละเอียดตัวชี้วัด
แปลงใหญ่ หมายถึง การรวมกลุ่มเกษตรกรที่ผลิตสินค้าชนิดเดียวกัน โดยไม่จำเป็นต้องเป็นแปลงที่อยู่ติดกันเป็นผืนเดียว แต่ควรอยู่ภายในชุมชนที่ใกล้เคียงกัน สินค้าควรเป็นสินค้าหลักของเกษตรกร พื้นที่มีความเหมาะสม มีศักยภาพที่จะพัฒนาในเชิงเศรษฐกิจ และสามารถบริหารจัดการได้ เกษตรกรสมัครใจรวมกลุ่มและเข้าร่วมดำเนินการภายใต้หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และเป้าหมายของแปลงใหญ่ พร้อมที่จะพัฒนาการผลิตและการตลาดร่วมกัน และต้องมีส่วนร่วมตลอดกระบวนการพัฒนา
วัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนให้เกษตรกรมีการรวมกลุ่มและบริหารจัดการร่วมกันในด้านการผลิตและการตลาด สามารถลดต้นทุนการผลิต มีผลผลิตต่อหน่วยเพิ่มขึ้น ผลผลิตมีคุณภาพได้มาตรฐาน ภายใต้การบูรณาการของหน่วยงานภาครัฐและเอกชน
หลักเกณฑ์ในการรวมกลุ่ม :
1) พืชไร่ ปาล์มน้ำมัน มีพื้นที่รวมกันไม่น้อยกว่า 300 ไร่ และเกษตรกรสมัครใจเข้าร่วมโครงการไม่น้อยกว่า 30 ราย
2) ไม้ผล พืชผัก ไม้ดอกไม้ประดับ สมุนไพร หรือพืชอื่น ๆ มีพื้นที่รวมกันไม่น้อยกว่า 300 ไร่ หรือเกษตรกรสมัครใจเข้าร่วมโครงการไม่น้อยกว่า 30 ราย
3) ประมง ปศุสัตว์ ผึ้งและแมลงเศรษฐกิจ มีเกษตรกรสมัครใจเข้าร่วมโครงการไม่น้อยกว่า 30 ราย หรือมีจำนวนมีพื้นที่รวมกันไม่น้อยกว่า 300 ไร่ หรือจำนวนสัตว์ไม่น้อยกว่า 300 หน่วย โดยคิดจำนวนหน่วยตามชนิดสินค้า ดังนี้
- โค 1 ตัว เท่ากับ 0.65 หน่วย
- กระบือ 1 ตัว เท่ากับ 0.70 หน่วย
- แพะ แกะ 1 ตัว เท่ากับ 0.10 หน่วย
- สุกร 1 ตัว เท่ากับ 0.40 หน่วย
- สัตว์ปีก 1 ตัว เท่ากับ 0.01 หน่วย
- ผึ้งพันธุ์/ผึ้งโพรง/ชันโรง 1 รัง เท่ากับ 0.60 หน่วย
- จิ้งหรีด 1 บ่อ เท่ากับ 0.60 หน่วย
ขอบเขตการประเมิน : แปลงใหญ่ส่งเสริมปี 2564 ที่อยู่ภายใต้โครงการส่งเสริมการเกษตรแบบแปลงใหญ่ และได้รับจัดสรรงบประมาณตามจำนวนที่กำหนด
การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตจากการดำเนินงานส่งเสริมการเกษตรแบบแปลงใหญ่ หมายถึง มีต้นทุนการผลิตลดลง ผลผลิตเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับก่อนเข้าร่วมโครงการ ได้รับรองมาตรฐานการผลิต และราคาผลผลิตเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับแปลงก่อนเข้าร่วมโครงการ
ร้อยละของต้นทุนการผลิตที่ลดลง หมายถึง ร้อยละของต้นทุนการผลิตสินค้าเกษตรที่ลดลงจากการดำเนินงานตามแนวทางส่งเสริมการเกษตรแปลงใหญ่ (เฉลี่ยทุกแปลง) เมื่อเทียบกับร้อยละของต้นทุนการผลิตสินค้าเกษตรจากการทำการเกษตรก่อนร่วมโครงการฯ (เฉลี่ยทุกแปลง)
ร้อยละของผลผลิตสินค้าเกษตรที่เพิ่มขึ้น หมายถึง ร้อยละของปริมาณผลผลิตเฉลี่ยของสินค้าเกษตรต่อพื้นที่ที่เพิ่มขึ้นจากการดำเนินงานตามแนวทางส่งเสริมเกษตรแปลงใหญ่ (เฉลี่ยทุกแปลง)เมื่อเทียบกับปริมาณผลผลิตเฉลี่ยของสินค้าเกษตรต่อพื้นที่จากการทำการเกษตรก่อนเข้าร่วมโครงการฯ (เฉลี่ยทุกแปลง)
ร้อยละของแปลงที่ได้ราคาผลผลิตเพิ่มขึ้น หมายถึง ร้อยละของราคาผลผลิตที่เพิ่มขึ้นจากการดำเนินงานตามแนวทางส่งเสริมเกษตรแปลงใหญ่ (เฉลี่ยทุกแปลง) เมื่อเทียบกับราคาผลผลิตสินค้าเกษตรจากราคาทั่วไปของจังหวัด
ร้อยละของแปลงใหญ่ที่ได้รับการรับรองคุณภาพและมาตรฐานการผลิต หมายถึง จำนวนแปลงใหญ่ที่อยู่ภายใต้การส่งเสริมการเกษตรแบบแปลงใหญ่ที่ได้รับการสนับสนุนให้เข้าสู่การตรวจสอบรับรองคุณภาพมาตรฐาน (ที่ได้รับการสนับสนุนงบประมาณในการดำเนินงานของส่วนราชการของแต่ละกรมที่รับผิดชอบ)
คำอธิบาย (เพิ่มเติม) ร้อยละของแปลงใหญ่ที่ได้รับการรับรองคุณภาพและมาตรฐานการผลิต
1) เฉพาะแปลง/สินค้าที่สามารถเข้าสู่ระบบรับรองได้ตามหลักเกณฑ์ของราชการ
2) เนื่องจากการตรวจรับรองมาตรฐานขึ้นอยู่กับความพร้อมของเกษตรกร ร้อยละของการรับรองมาตรฐานจึงประเมินจากจำนวนเกษตรกรที่สมัครเข้ารับการตรวจเทียบกับเกษตรกรที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน
3) ระบบการรับรองคุณภาพและมาตรฐานการผลิต เช่น มาตรฐานเกษตรอินทรีย์ มาตรฐาน GAP GFM ฟาร์มปลอดโรค จากหน่วยงานที่มีหน้าที่ในการรับรองมาตรฐานนั้น ๆ
4) แปลงของเกษตรกรที่สามารถตรวจรับรองได้ ได้แก่
- แปลงที่มีเอกสารสิทธิ์ และ
- เป็นสินค้าที่สามารถตรวจรับรองมาตรฐานได้
5) จำแนกชนิดสินค้าในแปลงใหญ่ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 เป็น 2 กลุ่ม ดังนี้
- กลุ่มที่ 1 สินค้าเกษตรที่ไม่สมัครตรวจรับรองคุณภาพและมาตรฐานการผลิต เช่น มันสำปะหลัง ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ อ้อยโรงงาน และยางพารา เป็นต้น
- กลุ่มที่ 2 สินค้าเกษตรที่สมัครตรวจรับรองคุณภาพและมาตรฐานการผลิต ได้แก่ พืชผัก ไม้ผล ข้าว พืชอาหาร สินค้าประมง และสินค้าปศุสัตว์ เป็นต้น
6) ไม่นับแปลงเกษตรกรที่อยู่ระหว่างการตรวจประเมิน และแปลงเกษตรกรที่ขอยกเลิกการตรวจประเมิน เพื่อนำมาคำนวณ
เกณฑ์การประเมิน : (กระทรวงเกษตรและสหกรณ์กำหนดค่าเป้าหมาย)
ประเด็นการประเมิน | ผลการดำเนินงาน |
---|---|
ผลการดำเนินงานตามแนวทางส่งเสริมเกษตรแปลงใหญ่ |
รายละเอียดตัวชี้วัด
เมล่อน
ประเด็นการประเมิน | ผลการดำเนินงาน |
---|---|
เมล่อน |
รายละเอียดตัวชี้วัด
ร้อยละของต้นทุนการผลิตที่ลดลง หมายถึง ร้อยละของต้นทุนการผลิตสินค้าเกษตรที่ลดลงจากการดำเนินงานตามแนวทางส่งเสริมการเกษตรแปลงใหญ่ (เฉลี่ยทุกแปลง) เมื่อเทียบกับร้อยละของต้นทุนการผลิตสินค้าเกษตรจากการทำการเกษตรก่อนร่วมโครงการฯ (เฉลี่ยทุกแปลง)
ประเด็นการประเมิน | ผลการดำเนินงาน |
---|---|
ร้อยละของต้นทุนการผลิตที่ลดลง-เมล่อน | 10.27 (ร้อยละ) |
รายละเอียดตัวชี้วัด
ร้อยละของผลผลิตสินค้าเกษตรที่เพิ่มขึ้น หมายถึง ร้อยละของปริมาณผลผลิตเฉลี่ยของสินค้าเกษตรต่อพื้นที่ที่เพิ่มขึ้นจากการดำเนินงานตามแนวทางส่งเสริมเกษตรแปลงใหญ่ (เฉลี่ยทุกแปลง)เมื่อเทียบกับปริมาณผลผลิตเฉลี่ยของสินค้าเกษตรต่อพื้นที่จากการทำการเกษตรก่อนเข้าร่วมโครงการฯ (เฉลี่ยทุกแปลง)
ประเด็นการประเมิน | ผลการดำเนินงาน |
---|---|
ร้อยละของผลผลิตสินค้าเกษตรที่เพิ่มขึ้น-เมล่อน | 14.22 (ร้อยละ) |
รายละเอียดตัวชี้วัด
ร้อยละของแปลงที่ได้ราคาผลผลิตเพิ่มขึ้น หมายถึง ร้อยละของราคาผลผลิตที่เพิ่มขึ้นจากการดำเนินงานตามแนวทางส่งเสริมเกษตรแปลงใหญ่ (เฉลี่ยทุกแปลง) เมื่อเทียบกับราคาผลผลิตสินค้าเกษตรจากราคาทั่วไปของจังหวัด
ประเด็นการประเมิน | ผลการดำเนินงาน |
---|---|
ร้อยละของแปลงที่ได้ราคาผลผลิตเพิ่มขึ้น-เมล่อน | 16.67 (ร้อยละ) |
รายละเอียดตัวชี้วัด
ร้อยละของแปลงใหญ่ที่ได้รับการรับรองคุณภาพและมาตรฐานการผลิต หมายถึง จำนวนแปลงใหญ่ที่อยู่ภายใต้การส่งเสริมการเกษตรแบบแปลงใหญ่ที่ได้รับการสนับสนุนให้เข้าสู่การตรวจสอบรับรองคุณภาพมาตรฐาน (ที่ได้รับการสนับสนุนงบประมาณในการดำเนินงานของส่วนราชการของแต่ละกรมที่รับผิดชอบ)
คำอธิบาย (เพิ่มเติม) ร้อยละของแปลงใหญ่ที่ได้รับการรับรองคุณภาพและมาตรฐานการผลิต
1) เฉพาะแปลง/สินค้าที่สามารถเข้าสู่ระบบรับรองได้ตามหลักเกณฑ์ของราชการ
2) เนื่องจากการตรวจรับรองมาตรฐานขึ้นอยู่กับความพร้อมของเกษตรกร ร้อยละของการรับรองมาตรฐานจึงประเมินจากจำนวนเกษตรกรที่สมัครเข้ารับการตรวจเทียบกับเกษตรกรที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน
3) ระบบการรับรองคุณภาพและมาตรฐานการผลิต เช่น มาตรฐานเกษตรอินทรีย์ มาตรฐาน GAP GFM ฟาร์มปลอดโรค จากหน่วยงานที่มีหน้าที่ในการรับรองมาตรฐานนั้น ๆ
4) แปลงของเกษตรกรที่สามารถตรวจรับรองได้ ได้แก่
- แปลงที่มีเอกสารสิทธิ์ และ
- เป็นสินค้าที่สามารถตรวจรับรองมาตรฐานได้
5) จำแนกชนิดสินค้าในแปลงใหญ่ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 เป็น 2 กลุ่ม ดังนี้
- กลุ่มที่ 1 สินค้าเกษตรที่ไม่สมัครตรวจรับรองคุณภาพและมาตรฐานการผลิต เช่น มันสำปะหลัง ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ อ้อยโรงงาน และยางพารา เป็นต้น
- กลุ่มที่ 2 สินค้าเกษตรที่สมัครตรวจรับรองคุณภาพและมาตรฐานการผลิต ได้แก่ พืชผัก ไม้ผล ข้าว พืชอาหาร สินค้าประมง และสินค้าปศุสัตว์ เป็นต้น
6) ไม่นับแปลงเกษตรกรที่อยู่ระหว่างการตรวจประเมิน และแปลงเกษตรกรที่ขอยกเลิกการตรวจประเมิน เพื่อนำมาคำนวณ
เกณฑ์การประเมิน : (กระทรวงเกษตรและสหกรณ์กำหนดค่าเป้าหมาย)
ประเด็นการประเมิน | ผลการดำเนินงาน |
---|---|
ร้อยละของแปลงใหญ่ที่ได้รับการรับรองคุณภาพและมาตรฐานการผลิต-เมล่อน | 100.00 (ร้อยละ) |
รายละเอียดตัวชี้วัด
การพัฒนาเข้าสู่เมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ เป็นเครื่องมือหลักในการอยู่ร่วมกันระหว่างชุมชนและอุตสาหกรรม และเป็นการดำเนินการตามกรอบยุทธศาสตร์ประเทศที่มุ่งสู่การพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมที่มีความสมดุลอย่างยั่งยืน
แนวคิดการพัฒนาเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ (Eco Industrial Town) เน้นการพัฒนาพื้นที่ที่มีการพัฒนาอุตสาหกรรมและเศรษฐกิจอุตสาหกรรมเหนี่ยวนำให้เศรษฐกิจชุมชนเติบโตไปด้วยกันภายใต้สภาวะแวดล้อมและคุณภาพชีวิตที่ดีโดยมุ่งเน้นการพัฒนาด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม กายภาพ และการบริหารจัดการในพื้นที่ให้เกิดความสมดุลในทุกมิติ โดยมีเป้าหมายหลักของการพัฒนาเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ คือ การพัฒนาอุตสาหกรรมโดยสร้างความสมดุลทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และสังคม ทำให้อุตสาหกรรมอยู่ร่วมกับชุมชนได้อย่างเป็นสุขและยั่งยืน
เกณฑ์การประเมินความเป็นเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ ครอบคลุม 5 มิติ (มิติกายภาพ เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม สังคม และการบริหารจัดการ) โดยการเป็นเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ แบ่งออกเป็น 5 ระดับ ดังนี้
ระดับที่ 1 การมีส่วนร่วม (Engagement) การมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในการวางแผน ดำเนินการตามแผน ติดตามประเมินผล และปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง
ระดับที่ 2 การส่งเสริม (Encourage) การส่งเสริมการใช้ประโยชน์พื้นที่ให้รองรับต่อแผนการพัฒนาที่ร่วมกำหนดไว้ โรงงานอุตสาหกรรมและประชาชนในพื้นที่สร้างความร่วมมือในการพัฒนาพื้นที่ตนเอง
ระดับที่ 3 ประสิทธิภาพในการใช้ทรัพยากร (Resource Efficiency) โรงงานอุตสาหกรรมเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากรและพลังงานของให้คุ้มค่า จัดการสิ่งแวดล้อมที่ดี ลดและป้องกันมลพิษ เกิดความเชื่อมั่นความไว้วางใจให้กับชุมชน
ระดับที่ 4 การพึ่งพาอาศัย (Symbiosis) โรงงานอุตสาหกรรมมีการพึ่งพาอาศัยกัน รวมทั้งภาคอุตสาหกรรมไปส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชนเพื่อสร้างงาน สร้างอาชีพ เพิ่มรายได้ให้ประชาชนในพื้นที่
ระดับที่ 5 เมืองน่าอยู่คู่อุตสาหกรรม (Happiness) เมืองต้นแบบมีเศรษฐกิจดี สิ่งแวดล้อมดี สังคมมีความปลอดภัยและคุณภาพชีวิตที่ดี ประชาชนมีความสุขและอยู่ร่วมกับอุตสาหกรรมได้อย่างยั่งยืน
เกณฑ์การประเมิน : กรมโรงงานอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม กำหนดค่าเป้าหมาย
แหล่งข้อมูล : กรมโรงงานอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม
ประเด็นการประเมิน | ผลการดำเนินงาน |
---|---|
การพัฒนาพื้นที่อุตสาหกรรมเข้าสู่เมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ (ระยะที่ 1 และ 2) |
รายละเอียดตัวชี้วัด
การพัฒนาเข้าสู่เมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ เป็นเครื่องมือหลักในการอยู่ร่วมกันระหว่างชุมชนและอุตสาหกรรม และเป็นการดำเนินการตามกรอบยุทธศาสตร์ประเทศที่มุ่งสู่การพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมที่มีความสมดุลอย่างยั่งยืน
แนวคิดการพัฒนาเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ (Eco Industrial Town) เน้นการพัฒนาพื้นที่ที่มีการพัฒนาอุตสาหกรรมและเศรษฐกิจอุตสาหกรรมเหนี่ยวนำให้เศรษฐกิจชุมชนเติบโตไปด้วยกันภายใต้สภาวะแวดล้อมและคุณภาพชีวิตที่ดีโดยมุ่งเน้นการพัฒนาด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม กายภาพ และการบริหารจัดการในพื้นที่ให้เกิดความสมดุลในทุกมิติ โดยมีเป้าหมายหลักของการพัฒนาเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ คือ การพัฒนาอุตสาหกรรมโดยสร้างความสมดุลทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และสังคม ทำให้อุตสาหกรรมอยู่ร่วมกับชุมชนได้อย่างเป็นสุขและยั่งยืน
เกณฑ์การประเมินความเป็นเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ ครอบคลุม 5 มิติ (มิติกายภาพ เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม สังคม และการบริหารจัดการ) โดยการเป็นเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ แบ่งออกเป็น
5 ระดับ ดังนี้
ระดับที่ 1 การมีส่วนร่วม (Engagement) การมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในการวางแผน ดำเนินการตามแผน ติดตามประเมินผล และปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง
ระดับที่ 2 การส่งเสริม (Encourage) การส่งเสริมการใช้ประโยชน์พื้นที่ให้รองรับต่อแผนการพัฒนาที่ร่วมกำหนดไว้ โรงงานอุตสาหกรรมและประชาชนในพื้นที่สร้างความร่วมมือในการพัฒนาพื้นที่ตนเอง
ระดับที่ 3 ประสิทธิภาพในการใช้ทรัพยากร (Resource Efficiency) โรงงานอุตสาหกรรมเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากรและพลังงานของให้คุ้มค่า จัดการสิ่งแวดล้อมที่ดี ลดและป้องกันมลพิษ เกิดความเชื่อมั่นความไว้วางใจให้กับชุมชน
ระดับที่ 4 การพึ่งพาอาศัย (Symbiosis) โรงงานอุตสาหกรรมมีการพึ่งพาอาศัยกัน รวมทั้งภาคอุตสาหกรรมไปส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชนเพื่อสร้างงาน สร้างอาชีพ เพิ่มรายได้ให้ประชาชนในพื้นที่
ระดับที่ 5 เมืองน่าอยู่คู่อุตสาหกรรม (Happiness) เมืองต้นแบบมีเศรษฐกิจดี สิ่งแวดล้อมดี สังคมมีความปลอดภัยและคุณภาพชีวิตที่ดี ประชาชนมีความสุขและอยู่ร่วมกับอุตสาหกรรมได้อย่างยั่งยืน
เกณฑ์การประเมิน : (กรมโรงงานอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม กำหนดค่าเป้าหมาย)
ประเด็นการประเมิน | ผลการดำเนินงาน |
---|---|
1. จัดทำแผนปฏิบัติการพัฒนาเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ พ.ศ. 2566-2570 มุ่งสู่ระดับที่ 5 ภายในปี 2570 (ขั้นต้น) | ผ่าน |
2. ดำเนินการตามค่าเป้าหมายขั้นต้น และเสนอแผนปฏิบัติการฯ ผ่านคณะกรรมการบริหารงานจังหวัดแบบบูรณาการและเห็นชอบบรรจุในแผนพัฒนาจังหวัด (ขั้นมาตรฐาน) | ผ่าน |
3. ดำเนินการตามค่าเป้าหมายมาตรฐาน และมีการสื่อสารแผนปฏิบัติการฯ ให้หน่วยงานและภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้องรับทราบและร่วมมือในการพัฒนา มุ่งสู่ระดับที่ 5 ภายในปี 2570 (ขั้นสูง) | ผ่าน |
รายละเอียดตัวชี้วัด
การพัฒนาเข้าสู่เมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ เป็นเครื่องมือหลักในการอยู่ร่วมกันระหว่างชุมชนและอุตสาหกรรม และเป็นการดำเนินการตามกรอบยุทธศาสตร์ประเทศที่มุ่งสู่การพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมที่มีความสมดุลอย่างยั่งยืน
แนวคิดการพัฒนาเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ (Eco Industrial Town) เน้นการพัฒนาพื้นที่ที่มีการพัฒนาอุตสาหกรรมและเศรษฐกิจอุตสาหกรรมเหนี่ยวนำให้เศรษฐกิจชุมชนเติบโตไปด้วยกันภายใต้สภาวะแวดล้อมและคุณภาพชีวิตที่ดีโดยมุ่งเน้นการพัฒนาด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม กายภาพ และการบริหารจัดการในพื้นที่ให้เกิดความสมดุลในทุกมิติ โดยมีเป้าหมายหลักของการพัฒนาเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ คือ การพัฒนาอุตสาหกรรมโดยสร้างความสมดุลทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และสังคม ทำให้อุตสาหกรรมอยู่ร่วมกับชุมชนได้อย่างเป็นสุขและยั่งยืน
เกณฑ์การประเมินความเป็นเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ ครอบคลุม 5 มิติ (มิติกายภาพ เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม สังคม และการบริหารจัดการ) โดยการเป็นเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ แบ่งออกเป็น
5 ระดับ ดังนี้
ระดับที่ 1 การมีส่วนร่วม (Engagement) การมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในการวางแผน ดำเนินการตามแผน ติดตามประเมินผล และปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง
ระดับที่ 2 การส่งเสริม (Encourage) การส่งเสริมการใช้ประโยชน์พื้นที่ให้รองรับต่อแผนการพัฒนาที่ร่วมกำหนดไว้ โรงงานอุตสาหกรรมและประชาชนในพื้นที่สร้างความร่วมมือในการพัฒนาพื้นที่ตนเอง
ระดับที่ 3 ประสิทธิภาพในการใช้ทรัพยากร (Resource Efficiency) โรงงานอุตสาหกรรมเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากรและพลังงานของให้คุ้มค่า จัดการสิ่งแวดล้อมที่ดี ลดและป้องกันมลพิษ เกิดความเชื่อมั่นความไว้วางใจให้กับชุมชน
ระดับที่ 4 การพึ่งพาอาศัย (Symbiosis) โรงงานอุตสาหกรรมมีการพึ่งพาอาศัยกัน รวมทั้งภาคอุตสาหกรรมไปส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชนเพื่อสร้างงาน สร้างอาชีพ เพิ่มรายได้ให้ประชาชนในพื้นที่
ระดับที่ 5 เมืองน่าอยู่คู่อุตสาหกรรม (Happiness) เมืองต้นแบบมีเศรษฐกิจดี สิ่งแวดล้อมดี สังคมมีความปลอดภัยและคุณภาพชีวิตที่ดี ประชาชนมีความสุขและอยู่ร่วมกับอุตสาหกรรมได้อย่างยั่งยืน
เกณฑ์การประเมิน : (กรมโรงงานอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม กำหนดค่าเป้าหมาย)
แหล่งข้อมูล : กรมโรงงานอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม
ประเด็นการประเมิน | ผลการดำเนินงาน |
---|---|
1. จัดทำแผนปฏิบัติการพัฒนาเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศพ.ศ. 2566-2570 มุ่งสู่ระดับที่ 3 ภายในปี 2570 (ขั้นต้น) | ผ่าน |
2. ดำเนินการตามค่าเป้าหมายขั้นต้น และเสนอแผนปฏิบัติการฯ ผ่านคณะกรรมการบริหารงานจังหวัดแบบบูรณาการและเห็นชอบบรรจุในแผนพัฒนาจังหวัด (ขั้นมาตรฐาน) | ผ่าน |
3. ดำเนินการตามค่าเป้าหมายมาตรฐาน และมีการสื่อสารแผนปฏิบัติการฯ ให้หน่วยงานและภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้องรับทราบและร่วมมือในการพัฒนา มุ่งสู่ระดับที่ 3 ภายในปี 2570 (ขั้นสูง) | ผ่าน |
รายละเอียดตัวชี้วัด
1. การพัฒนาระบบข้อมูลให้เป็นดิจิทัล (Digitized Data) เพื่อนำไปสู่การเปิดเผยข้อมูลภาครัฐ (Open Data)
2. ร้อยละความพึงพอใจต่อการให้บริการประชาชนด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Service)
รายละเอียดตัวชี้วัด
- ประเด็นการพัฒนาจังหวัด หมายถึง ประเด็นการพัฒนาที่กำหนดไว้ในแผนพัฒนาจังหวัด(พ.ศ. 2566-2570) โดยให้จังหวัดคัดเลือกประเด็นการพัฒนาที่มีความสำคัญ 2 ประเด็น
- แผนพัฒนาสถิติระดับจังหวัด เป็นเครื่องมือสำคัญในการกำหนดกรอบแนวทางการดำเนินงานเพื่อการพัฒนาการจัดเก็บข้อมูลสถิติที่สำคัญและจำเป็นต่อการบริหารงานยุทธศาสตร์จังหวัด เพื่อให้เชื่อมโยงกับการจัดทำแผนพัฒนาจังหวัดและสอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์และแผนพัฒนาระดับต่าง ๆ เพื่อพัฒนาคุณภาพสถิติทางการว่ามีรายการใดบ้าง และหน่วยงานใดเป็นผู้รับผิดชอบ
- ชุดข้อมูล หมายถึง การนำข้อมูลจากหลายแหล่งมารวบรวม เพื่อจัดเป็นชุด ให้ตรงตามลักษณะโครงสร้างของข้อมูล หรือจากการใช้ประโยชน์ของข้อมูล
- ข้อกำหนดการวิเคราะห์ชุดข้อมูล หมายถึง เอกสารที่แสดงการวิเคราะห์ชุดข้อมูล ประกอบด้วย การวิเคราะห์สภาพปัญหาที่ต้องการพัฒนาในจังหวัด เป้าหมาย และหมุดหมายตามการพัฒนาของจังหวัด แนวทางการพัฒนาจังหวัด การวิเคราะห์ห่วงโซ่คุณค่า การวิเคราะห์กระบวนงานและ
ชุดข้อมูลที่เกี่ยวข้อง การกำหนดชุดข้อมูลที่ใช้ในการพัฒนา การระบุหน่วยงานเจ้าของข้อมูล และแนวทางการวิเคราะห์ข้อมูล
- คำอธิบายข้อมูลหรือเมทาดาตา (Metadata) หมายถึง ข้อมูลที่ใช้อธิบายข้อมูลหลักหรือกลุ่มที่เกี่ยวข้องทั้งกระบวนการเชิงธุรกิจ (ในที่นี้หมายถึง กระบวนการทำงานตามภารกิจของหน่วยงาน) และเชิงเทคโนโลยีสารสนเทศ กฎและข้อจำกัดของข้อมูล และโครงสร้างของข้อมูลเมทาดาตาช่วยให้หน่วยงานสามารถเข้าใจข้อมูล ระบบ และขั้นตอนการทำงานได้ดียิ่งขึ้น
- คำอธิบายชุดข้อมูลประกอบด้วยคำอธิบายข้อมูลจำนวน 14 รายการ สำหรับ 1 ชุดข้อมูล
ที่หน่วยงานต้องจัดทำและระบุรายละเอียด ได้แก่ ประเภทข้อมูล ชื่อชุดข้อมูล องค์กร ชื่อผู้ติดต่อ อีเมลผู้ติดต่อ คำสำคัญ รายละเอียด วัตถุประสงค์ หน่วยความถี่ของการปรับปรุงข้อมูล ค่าความถี่ของการปรับปรุงข้อมูล ขอบเขตเชิงภูมิศาสตร์หรือเชิงพื้นที่ แหล่งที่มา รูปแบบการเก็บข้อมูล หมวดหมู่ข้อมูลตามธรรมาภิบาลข้อมูลภาครัฐ และสัญญาอนุญาตให้ใช้ข้อมูล
- บัญชีข้อมูล (Data Catalog) หมายถึง เอกสารแสดงบรรดารายการของชุดข้อมูลที่จำแนกแยกแยะ โดยการจัดกลุ่มหรือจัดประเภทข้อมูลที่อยู่ในความครอบครองหรือควบคุมของหน่วยงานของรัฐ
- ระบบบัญชีข้อมูลหน่วยงาน (Agency Data Catalog) หมายถึง ระบบสารสนเทศที่ทำหน้าที่บริหารจัดการ รวมถึงให้บริการบัญชีข้อมูลของหน่วยงาน เช่น การจัดการชุดข้อมูล การจัดการคำอธิบายชุดข้อมูล การค้นหาชุดข้อมูล และบริการ API ที่เป็นเสมือนบัญชีข้อมูลดิจิทัลของหน่วยงาน และผ่านความเห็นชอบจากนายทะเบียนบัญชีข้อมูลหน่วยงาน เพื่อนำเข้าสู่ระบบบัญชีข้อมูลหน่วยงาน สำหรับให้บริการแก่บุคลากรในหน่วยงานในการวางแผน ปฏิบัติงาน ติดตาม และประเมินผล รวมถึงหน่วยงานภายนอกและประชาชนตามสิทธิ์ที่หน่วยงานกำหนด โดยที่การจัดทำบัญชีข้อมูลหน่วยงานควรสอดคล้องตามแนวทางการจัดทำบัญชีข้อมูลภาครัฐ เพื่อให้สามารถลงทะเบียนและให้บริการบัญชีข้อมูลภาครัฐของประเทศ เพื่อใช้ประโยชน์ร่วมกัน
- ระบบบัญชีข้อมูลพื้นที่ (Area Data Catalog) หมายถึง ระบบสารสนเทศที่ทำหน้าที่บริหารจัดการ รวมถึงให้บริการบัญชีข้อมูลของหน่วยงานในระดับพื้นที่ เช่น ระบบบัญชีข้อมูลจังหวัด ระบบบัญชีข้อมูลองค์การบริหารส่วนจังหวัด ระบบบัญชีข้อมูลองค์การบริหารส่วนตำบล เป็นต้น
- ระบบบัญชีข้อมูลภาครัฐ (Government Data Catalog) หมายถึง ระบบงานที่ทำหน้าที่บริหารจัดการบัญชีข้อมูลภาครัฐมารวบรวมและจัดหมวดหมู่ รวมถึงระบบนามานุกรม (directory Services) ที่ให้บริการสืบค้นบัญชีรายการข้อมูลภาครัฐ เสมือนบัญชีข้อมูลดิจิทัลของภาครัฐ เพื่อนำไปสู่การใช้ประโยชน์การบรูณาการข้อมูลร่วมกัน รองรับการให้บริการการสืบค้น และการเข้าถึงบัญชีข้อมูลหน่วยงานภาครัฐที่เผยแพร่เป็นสาธารณะ
- ระบบลงทะเบียนบัญชีข้อมูลภาครัฐ (GD Catalog Registration System) หมายถึง ระบบสารสนเทศที่ทำหน้าที่ในการรวบรวมรายการข้อมูลสำคัญ เมทาดาตา และทรัพยากร (Resource) หรือข้อมูลผ่าน API จากบัญชีข้อมูลหน่วยงานมาจัดเก็บไว้ที่ระบบบัญชีข้อมูลภาครัฐ และทำหน้าที่ติดตามการมีอยู่ การเปลี่ยนแปลงและปรับปรุง (Update) รายการข้อมูลและเมทาดาตา รวมถึงการอ้างอิงทรัพยากร (Resource) กับบัญชีข้อมูลที่หน่วยงานต้นทางให้ถูกต้องและทันสมัย
- ข้อมูลดิจิทัล หมายถึง ข้อมูลที่ได้จัดทำ จัดเก็บ จำแนกหมวดหมู่ ประมวลผล ใช้ ปกปิด เปิดเผย ตรวจสอบ ทำลาย ด้วยเครื่องมือหรือวิธีการทางเทคโนโลยีดิจิทัล
- Data Visualization คือ การนำเสนอหรือการแสดงข้อมูลเชิงปริมาณให้อยู่ในรูปแบบกราฟิก
ที่ทำให้ผู้พบเห็นจำได้และเข้าใจง่ายขึ้น อีกทั้งเป็นการนำข้อมูลในเชิงวิชาการหรือเชิงวิจัยมาแปลงเป็นรูปที่เข้าใจง่าย โดยผ่านการวิเคราะห์ข้อมูลมาแล้ว องค์ประกอบหลักของ Data Visualization คือ การรวบรวมข้อมูล (Integrate) การวิเคราะห์ข้อมูล (Analyze) และการแปลงข้อมูลให้เป็นภาพ
ที่เข้าใจง่าย (Visualize)
ประเด็นการประเมิน | ผลการดำเนินงาน |
---|---|
1.เอกสารข้อกำหนดการวิเคราะห์ชุดข้อมูลที่ตอบโจทย์ประเด็นการพัฒนาจังหวัด 2 ประเด็น ได้รับความเห็นชอบผ่านกลไกคณะกรรมการสถิติระดับจังหวัด (ขั้นต้น) | ผ่าน |
2. นำชุดข้อมูล (Template 1) คำอธิบายข้อมูล (Template 2) ขึ้นบนระบบบัญชีข้อมูลจังหวัด ทั้ง 2 ประเด็นการพัฒนา (ขั้นมาตรฐาน) | ผ่าน |
3. ชุดข้อมูลในหมวดหมู่สาธารณะ ร้อยละ 100 (Template 3) ต้องอ้างอิงหรือชี้ไปยังแหล่งข้อมูลต้นทางที่เป็นข้อมูลดิจิทัล ทั้ง 2 ประเด็นการพัฒนา (ขั้นมาตรฐาน) | ผ่าน |
4. ชุดข้อมูลในหมวดหมู่สาธารณะ ร้อยละ 100 ได้รับการลงทะเบียนในระบบบัญชีข้อมูลภาครัฐ (GD Catalog) ทั้ง 2 ประเด็นการพัฒนา (ขั้นสูง) | ผ่าน |
5. สรุปผลการวิเคราะห์สารสนเทศในรูปแบบ Visualization เพื่อตอบโจทย์ประเด็นการพัฒนาจังหวัด ได้รับความเห็นชอบผ่านกลไกคณะกรรมการสถิติระดับจังหวัด ทั้ง 2 ประเด็นการพัฒนา (ขั้นสูง) | ผ่าน |
รายละเอียดตัวชี้วัด
พิจารณาความสำเร็จจากร้อยละของความพึงพอใจของผู้รับบริการ e-Service ณ ที่ว่าการอำเภอ/ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอ ในภาพรวมของจังหวัด
การให้บริการประชาชนด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Service) ณ ที่ว่าการอำเภอ/ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอ มีวัตถุประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนที่ไม่มีความพร้อมของเครื่องมืออุปกรณ์ และมีข้อจำกัดในการเข้าถึงบริการด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ โดยมีเจ้าหน้าที่ของอำเภอ/ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอเป็นผู้อำนวยความสะดวกและให้คำแนะนำปรึกษาในการรับบริการ
จังหวัดต้องเปิดให้บริการ e-Service ครบทุกอำเภอ ภายในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2566
ทุกอำเภอต้องเปิดให้บริการด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Service) อย่างน้อย 20 งานบริการ ตามที่กระทรวงมหาดไทยโดยกรมการปกครองกำหนดและแจ้งอำเภอเพื่อเปิดให้บริการ ทั้งนี้ อำเภออาจนำงานบริการ e-Service อื่นมาเปิดให้บริการเพิ่มเติมด้วยก็ได้
ประเด็นการประเมิน | ผลการดำเนินงาน |
---|---|
ร้อยละความพึงพอใจต่อการให้บริการประชาชนด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Service) | 86.67 (ร้อยละ) |
รายละเอียดตัวชี้วัด
PMQA 4.0 คือ เครื่องมือการประเมินระบบการบริหารของส่วนราชการในเชิงบูรณาการ เพื่อเชื่อมโยงยุทธศาสตร์ของส่วนราชการกับเป้าหมายและทิศทางการพัฒนาของประเทศ โดยมีวัตถุประสงค์
เพื่อเป็นแนวทางให้หน่วยงานภาครัฐพัฒนาไปสู่ระบบราชการ 4.0 เพื่อประเมินความสามารถ
ในการบริหารจัดการภายในหน่วยงานและความพยายามของส่วนราชการในการขับเคลื่อนงาน
ให้บรรลุเป้าหมายอย่างยั่งยืน
พิจารณาจากความสามารถในการพัฒนาการดำเนินงานเพื่อยกระดับผลการประเมินสถานะการเป็นระบบราชการ 4.0 (PMQA 4.0)
พิจารณาจากผลการประเมินสถานะการเป็นระบบราชการ 4.0 (PMQA 4.0) ซึ่งเป็นคะแนนเฉลี่ย
ในภาพรวมทั้ง 7 หมวด ประกอบด้วย หมวด 1 การนำองค์การ หมวด 2 การวางแผนเชิงยุทธศาสตร์ หมวด 3 การให้ความสำคัญกับผู้รับบริการและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย หมวด 4 การวัด การวิเคราะห์และการจัดการความรู้ หมวด 5 การมุ่งเน้นบุคลากร หมวด 6 การมุ่งเน้นระบบปฏิบัติการ และหมวด 7 ผลลัพธ์การดำเนินการ
เกณฑ์การประเมิน : (สำนักงาน ก.พ.ร. กำหนดค่าเป้าหมาย)
ประเด็นการประเมิน | ผลการดำเนินงาน |
---|---|
การประเมินสถานะของหน่วยงานในการเป็นระบบราชการ 4.0 (PMQA 4.0) | 440.15 (คะแนน) |