รายงานผลการประเมิน

นนทบุรี

/ กลุ่มจังหวัดภาคกลางปริมณฑล
น้ำหนัก
100
คะแนนการประเมิน
สรุปผลการประเมิน
-

รายละเอียดตัวชี้วัด

ตัวชี้วัด :  ความสำเร็จในการพัฒนาและส่งเสริมผลิตภัณฑ์ชุมชน

  1. รายได้จากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชุมชน (OTOP)
  2. ร้อยละของจำนวนใบรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน (มผช.) ของจังหวัด
  3. ร้อยละที่เพิ่มขึ้นของรายได้จากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชุมชน (OTOP) โดยผ่านช่องทางออนไลน์

รายละเอียดตัวชี้วัด

คำอธิบาย :

รายได้จากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชุมชน (OTOP) ประเมินจากรายได้การจำหน่ายผลิตภัณฑ์ หนึ่งตำบล
หนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) ปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 (1 ตุลาคม 2564 - 30 กันยายน 2565) ของจังหวัด

เกณฑ์การประเมิน : กรมการพัฒนาชุมชนกำหนดค่าเป้าหมาย

ประเด็นการประเมิน ผลการดำเนินงาน
รายได้จากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชุมชน (OTOP) 2,651.88 (ล้านบาท)

รายละเอียดตัวชี้วัด

คำอธิบาย :

วัดผลสำเร็จจากจำนวนคำขอที่ยื่นขอรับการรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน (มผช.) ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 และได้รับใบรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน (มผช.) ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 เทียบกับจำนวนคำขอรับการรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน (มผช.) ทั้งหมด ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2565

การให้การรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชนเป็นไปตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน (มผช.) เป็นการยกระดับการผลิตให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ มาตรฐาน และรักษาคุณภาพ โดยใช้หลักการควบคุมคุณภาพเพื่อให้สินค้า  OTOP เป็นที่ยอมรับ และเพิ่มความน่าเชื่อถือแก่ผู้บริโภคทั้งในประเทศและต่างประเทศ

สูตรคำนวณ :
จำนวนใบรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน (มผช.) ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 x 100 /จำนวนคำขอรับการรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน (มผช.) ทั้งหมด ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2565

เกณฑ์การประเมิน :  สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) กำหนดค่าเป้าหมาย

ประเด็นการประเมิน ผลการดำเนินงาน
ร้อยละของจำนวนใบรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน (มผช.) ของจังหวัด 97.26 (ร้อยละ)

รายละเอียดตัวชี้วัด

คำอธิบาย :

พิจารณาจากรายได้การจำหน่ายผลิตภัณฑ์ หนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) ปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 (1 ตุลาคม 2564 – 30 กันยายน 2565) โดยผ่านช่องทางออนไลน์ (ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์) เปรียบเทียบกับรายได้จากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ หนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) โดยผ่านช่องทางออนไลน์ (ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์) ปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 (1 ตุลาคม 2563 – 30 กันยายน 2564)

ตลาดออนไลน์  คือ การทำการตลาดในสื่อออนไลน์ เพื่อเผยแพร่ หรือโฆษณาให้ผลิตภัณฑ์ OTOP เป็นที่รู้จัก  ตลอดจนการซื้อการขาย ซึ่งการทำการตลาดในสื่อออนไลน์ เช่น โฆษณา Facebook โฆษณา line  โฆษณา Google โฆษณา Youtube โฆษณา Instagram เว็บไซต์ หรือผ่านแฟลตฟอร์มอื่น เป็นต้น

ขอบเขตการประเมิน  ผลิตภัณฑ์ OTOP ที่จำหน่ายในแพลตฟอร์ม หรือสื่อออนไลน์

สูตรคำนวณ :  
((รายได้จากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชุมชน (OTOP) ผ่านช่องทางออนไลน์ปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 – รายได้จากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชุมชน (OTOP) ผ่านช่องทางออนไลน์ปีงบประมาณ พ.ศ. 2564) x 100) / รายได้จากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชุมชน (OTOP) ผ่านช่องทางออนไลน์ปีงบประมาณ พ.ศ. 2564

เกณฑ์การประเมิน :   กรมการพัฒนาชุมชนกำหนดค่าเป้าหมาย

ประเด็นการประเมิน ผลการดำเนินงาน
ร้อยละที่เพิ่มขึ้นของรายได้จากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชุมชน (OTOP) โดยผ่านช่องทางออนไลน์ 162.91 (ร้อยละ)

รายละเอียดตัวชี้วัด

คำอธิบาย :

สินค้าเกษตรอัตลักษณ์พื้นถิ่น หมายถึง สินค้าเกษตรที่มีการนำอัตลักษณ์พื้นถิ่นและภูมิปัญญาท้องถิ่นของไทยมาเป็นผลิตภัณฑ์การเกษตร รวมทั้งสินค้าที่ได้รับการรับรองสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) เช่น
เนื้อโคขุนโพนยางคำ ข้าวสังข์หยดพัทลุง เป็นต้น

เป็นการพัฒนาและต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าเกษตรอัตลักษณ์พื้นถิ่นซึ่งครอบคลุมสินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นเฉพาะพื้นที่ สินค้าจากภูมิปัญญาท้องถิ่นของไทย สินค้าศิลปาชีพ สินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ โดยการนำจุดเด่นของอัตลักษณ์พื้นถิ่นและภูมิปัญญาท้องถิ่นเหล่านั้นมาใช้ในการผลิตและจำหน่ายสินค้าเกษตรที่มีมูลค่าเพิ่มสูง รวมทั้งสินค้าที่ได้รับ
การรับรองสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ ซึ่งมีความโดดเด่นจากทำเลที่ตั้งในเขตโซนร้อน และความหลากหลายของผลผลิตทางการเกษตรของไทยในแต่ละพื้นที่ที่มีเอกลักษณ์นำมาผสมผสานภูมิปัญญาท้องถิ่น

เกณฑ์การประเมิน : อ้างอิงจากข้อมูลผลการดำเนินงานของจังหวัด

ประเด็นการประเมิน ผลการดำเนินงาน
รายได้จากการจำหน่ายสินค้าเกษตรอัตลักษณ์พื้นถิ่น 39.82 (ล้านบาท)

รายละเอียดตัวชี้วัด

คำอธิบาย :

พิจารณาจากค่าคะแนนดัชนีคุณภาพน้ำแหล่งน้ำผิวดิน (Water Quality Index : WQI) ของแม่น้ำสายหลักในจังหวัด เฉลี่ยในรอบปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 (ค่าเฉลี่ย WQI ทั้ง 4 ไตรมาส) 

ดัชนีคุณภาพน้ำแหล่งน้ำผิวดิน (Water Quality Index: WQI) การประเมินผลลัพธ์ค่าคะแนนรวมของคุณภาพน้ำ 5 พารามิเตอร์ ได้แก่

1) ออกซิเจนละลายน้ำ: DO 

2) ความสกปรกในรูปสารอินทรีย์: BOD

3) การปนเปื้อนของกลุ่มแบคทีเรียกลุ่มโคลิฟอร์มทั้งหมด: TCB 

4) การปนเปื้อนของกลุ่มแบคทีเรียกลุ่มฟีคอลโคลิฟอร์มทั้งหมด: FCB 

5) แอมโมเนีย: NH3-N

ค่าคะแนนรวมของคุณภาพน้ำ 5 พารามิเตอร์ มีหน่วยเป็นคะแนน เริ่มจาก  0 ถึง 100 คะแนน ดังนี้

91 – 100 คะแนน            คุณภาพน้ำอยู่ในเกณฑ์ดีมาก

71 – 90   คะแนน            คุณภาพน้ำอยู่ในเกณฑ์ดี

61 – 70   คะแนน            คุณภาพน้ำอยู่ในเกณฑ์พอใช้

31 – 60   คะแนน            คุณภาพน้ำอยู่ในเกณฑ์เสื่อมโทรม

 0  – 30   คะแนน            คุณภาพน้ำอยู่ในเกณฑ์เสื่อมโทรมมาก

การจัดเก็บตัวอย่างน้ำเพื่อนำไปตรวจสอบคุณภาพน้ำ จะดำเนินการปีละ 4 ครั้ง (รายไตรมาส)
โดยสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาค จะจัดเก็บในช่วงเดือนพฤศจิกายน กุมภาพันธ์ พฤษภาคม และสิงหาคม

พื้นที่วิกฤต หมายถึง แหล่งน้ำที่มีคุณภาพน้ำในรอบปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 อยู่ในเกณฑ์
เสื่อมโทรมมาก – พอใช้

รายละเอียดตัวชี้วัด

คำอธิบาย :

พิจารณาจากค่าคะแนนดัชนีคุณภาพน้ำแหล่งน้ำผิวดิน (Water Quality Index : WQI) ของแม่น้ำสายหลักในจังหวัด เฉลี่ยในรอบปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 (ค่าเฉลี่ย WQI ทั้ง 4 ไตรมาส) 

ดัชนีคุณภาพน้ำแหล่งน้ำผิวดิน (Water Quality Index: WQI) การประเมินผลลัพธ์ค่าคะแนนรวมของคุณภาพน้ำ 5 พารามิเตอร์ ได้แก่

1) ออกซิเจนละลายน้ำ: DO 

2) ความสกปรกในรูปสารอินทรีย์: BOD

3) การปนเปื้อนของกลุ่มแบคทีเรียกลุ่มโคลิฟอร์มทั้งหมด: TCB 

4) การปนเปื้อนของกลุ่มแบคทีเรียกลุ่มฟีคอลโคลิฟอร์มทั้งหมด: FCB 

5) แอมโมเนีย: NH3-N

ค่าคะแนนรวมของคุณภาพน้ำ 5 พารามิเตอร์ มีหน่วยเป็นคะแนน เริ่มจาก  0 ถึง 100 คะแนน ดังนี้

91 – 100 คะแนน            คุณภาพน้ำอยู่ในเกณฑ์ดีมาก

71 – 90   คะแนน            คุณภาพน้ำอยู่ในเกณฑ์ดี

61 – 70   คะแนน            คุณภาพน้ำอยู่ในเกณฑ์พอใช้

31 – 60   คะแนน            คุณภาพน้ำอยู่ในเกณฑ์เสื่อมโทรม

 0  – 30   คะแนน            คุณภาพน้ำอยู่ในเกณฑ์เสื่อมโทรมมาก

การจัดเก็บตัวอย่างน้ำเพื่อนำไปตรวจสอบคุณภาพน้ำ จะดำเนินการปีละ 4 ครั้ง (รายไตรมาส)
โดยสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาค จะจัดเก็บในช่วงเดือนพฤศจิกายน กุมภาพันธ์ พฤษภาคม และสิงหาคม

พื้นที่วิกฤต หมายถึง แหล่งน้ำที่มีคุณภาพน้ำในรอบปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 อยู่ในเกณฑ์
เสื่อมโทรมมาก – พอใช้

ประเด็นการประเมิน ผลการดำเนินงาน
แม่น้ำเจ้าพระยาตอนล่าง 44.00 (คะแนน)

รายละเอียดตัวชี้วัด

อัตราคดีอาชญากรรมต่อประชากรแสนคน

1. อัตราคดีกลุ่มที่ 1 ต่อประชากรแสนคน

2. อัตราคดีกลุ่มที่ 2 ต่อประชากรแสนคน

รายละเอียดตัวชี้วัด

คำอธิบาย :

พิจารณาจากอัตราส่วนจำนวนคดีแต่ละกลุ่มที่รับแจ้งความร้องทุกข์ไว้ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2565
(1 ตุลาคม 2564 – 30 กันยายน 2565) เปรียบเทียบกับจำนวนประชากรในจังหวัด ต่อประชากรแสนคน หรือเรียกว่า อัตราส่วนอาชญากรรม (Crime Rate)

กำหนดกลุ่มอาชญากรรมที่จะต้องคำนวณอัตราส่วนอาชญากรรมต่อประชากรแสนคน 2 กลุ่ม ได้แก่

- กลุ่มที่ 1 หมายถึง กลุ่มคดีความผิดเกี่ยวกับชีวิต ร่างกาย และเพศ นับจำนวนคดีฆ่าผู้อื่น (อุกฉกรรจ์) คดีทำร้ายผู้อื่นถึงแก่ความตาย คดีพยายามฆ่า คดีทำร้ายร่างกาย คดีข่มขืนกระทำชำเรา และคดีอื่นๆ (ได้แก่ คดีฆ่าผู้อื่นโดยไม่เจตนา คดีประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย คดีอนาจารต่าง ๆ เป็นต้น)

  (ใช้ข้อมูลจากระบบ CRIMES ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในคดีอาญากลุ่มที่ 1 ฐานความผิดเกี่ยวกับชีวิต ร่างกาย และเพศ)

- กลุ่มที่ 2 หมายถึง กลุ่มคดีความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ นับจำนวนคดีปล้นทรัพย์ (อุกฉกรรจ์) คดีชิงทรัพย์ คดีวิ่งราวทรัพย์ คดีลักทรัพย์ คดีกรรโชกทรัพย์ คดีฉ้อโกง คดียักยอกทรัพย์ คดีทำให้เสียทรัพย์ คดีรับของโจร คดีลักพาเรียกค่าไถ่ คดีวางเพลิง และคดีอื่น ๆ

  (ใช้ข้อมูลจากระบบ CRIMES ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในคดีอาญากลุ่มที่ 2 ฐานความผิดเกี่ยวกับทรัพย์)

จำนวนประชากรของจังหวัดใช้ข้อมูลจากสำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง โดยปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ใช้ข้อมูล ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2564

สูตรคำนวณ : 

- อัตราคดีอาชญากรรมต่อประชากรแสนคน คดีกลุ่มที่ 1 = จำนวนคดีกลุ่มที่ 1 ที่รับแจ้งในปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 x 100,000 / จำนวนประชากรของจังหวัด ณ วันที่ 31 ธันวาคม  2564

- อัตราคดีอาชญากรรมต่อประชากรแสนคน คดีกลุ่มที่ 2 = จำนวนคดีกลุ่มที่ 2 ที่รับแจ้งในปีงบประมาณ พ.ศ. 2565x 100,000 / จำนวนประชากรของจังหวัด ณ วันที่ 31 ธันวาคม  2564

เกณฑ์การประเมิน : สำนักงานตำรวจแห่งชาติกำหนดค่าเป้าหมาย

ประเด็นการประเมิน ผลการดำเนินงาน
อัตราคดีอาชญากรรมต่อประชากรแสนคน คดีกลุ่มที่ 1 15.68 (คดีต่อประชากรแสนคน)

รายละเอียดตัวชี้วัด

คำอธิบาย :

พิจารณาจากอัตราส่วนจำนวนคดีแต่ละกลุ่มที่รับแจ้งความร้องทุกข์ไว้ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2565
(1 ตุลาคม 2564 – 30 กันยายน 2565) เปรียบเทียบกับจำนวนประชากรในจังหวัด ต่อประชากรแสนคน หรือเรียกว่า อัตราส่วนอาชญากรรม (Crime Rate)

กำหนดกลุ่มอาชญากรรมที่จะต้องคำนวณอัตราส่วนอาชญากรรมต่อประชากรแสนคน 2 กลุ่ม ได้แก่

- กลุ่มที่ 1 หมายถึง กลุ่มคดีความผิดเกี่ยวกับชีวิต ร่างกาย และเพศ นับจำนวนคดีฆ่าผู้อื่น (อุกฉกรรจ์) คดีทำร้ายผู้อื่นถึงแก่ความตาย คดีพยายามฆ่า คดีทำร้ายร่างกาย คดีข่มขืนกระทำชำเรา และคดีอื่นๆ (ได้แก่ คดีฆ่าผู้อื่นโดยไม่เจตนา คดีประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย คดีอนาจารต่าง ๆ เป็นต้น)

  (ใช้ข้อมูลจากระบบ CRIMES ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในคดีอาญากลุ่มที่ 1 ฐานความผิดเกี่ยวกับชีวิต ร่างกาย และเพศ)

- กลุ่มที่ 2 หมายถึง กลุ่มคดีความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ นับจำนวนคดีปล้นทรัพย์ (อุกฉกรรจ์) คดีชิงทรัพย์ คดีวิ่งราวทรัพย์ คดีลักทรัพย์ คดีกรรโชกทรัพย์ คดีฉ้อโกง คดียักยอกทรัพย์ คดีทำให้เสียทรัพย์ คดีรับของโจร คดีลักพาเรียกค่าไถ่ คดีวางเพลิง และคดีอื่น ๆ

  (ใช้ข้อมูลจากระบบ CRIMES ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในคดีอาญากลุ่มที่ 2 ฐานความผิดเกี่ยวกับทรัพย์)

จำนวนประชากรของจังหวัดใช้ข้อมูลจากสำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง โดยปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ใช้ข้อมูล ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2564

สูตรคำนวณ : 

- อัตราคดีอาชญากรรมต่อประชากรแสนคน คดีกลุ่มที่ 1 = จำนวนคดีกลุ่มที่ 1 ที่รับแจ้งในปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 x 100,000 / จำนวนประชากรของจังหวัด ณ วันที่ 31 ธันวาคม  2564

- อัตราคดีอาชญากรรมต่อประชากรแสนคน คดีกลุ่มที่ 2 = จำนวนคดีกลุ่มที่ 2 ที่รับแจ้งในปีงบประมาณ พ.ศ. 2565x 100,000 / จำนวนประชากรของจังหวัด ณ วันที่ 31 ธันวาคม  2564

เกณฑ์การประเมิน : สำนักงานตำรวจแห่งชาติกำหนดค่าเป้าหมาย

ประเด็นการประเมิน ผลการดำเนินงาน
อัตราคดีอาชญากรรมต่อประชากรแสนคน คดีกลุ่มที่ 2 71.24 (คดีต่อประชากรแสนคน)

รายละเอียดตัวชี้วัด

คำอธิบาย :

พิจารณาจากการสำรวจสภาพปัญหายาเสพติดในระดับหมู่บ้าน/ชุมชน จากระบบสารสนเทศยาเสพติดจังหวัด (NISPA) ครั้งที่ 2 ของปี (ห้วงระยะเวลาตั้งแต่เดือนเมษายน – สิงหาคม 2565)

หมู่บ้าน/ชุมชนที่ไม่พบปัญหายาเสพติด หมายถึง หมู่บ้าน/ชุมชน ที่ไม่พบผู้เสพและไม่มีผู้ค้ายาเสพติด

หมู่บ้าน/ชุมชน หมายถึง หมู่บ้านและชุมชนที่ประกาศจัดตั้งอย่างเป็นทางการ ภายใต้คำสั่งของกระทรวงมหาดไทย

เกณฑ์การประเมิน : อ้างอิงจากข้อมูลผลการดำเนินงานของจังหวัด

ประเด็นการประเมิน ผลการดำเนินงาน
ร้อยละของหมู่บ้าน/ชุมชนที่ไม่พบปัญหายาเสพติด 85.98 (ร้อยละ)

รายละเอียดตัวชี้วัด

คำอธิบาย :

  • หน่วยงาน หมายถึง ส่วนราชการที่ตั้งอยู่ในภูมิภาค
  • ระบบบัญชีข้อมูลของหน่วยงาน (Agency Data Catalog) หมายถึง ระบบสารสนเทศที่ทำหน้าที่บริหารจัดการ รวมถึงให้บริการบัญชีข้อมูลของหน่วยงาน เช่น การจัดการชุดข้อมูล การจัดการคำอธิบายชุดข้อมูล การค้นหาชุดข้อมูล และบริการ API ที่เป็นเสมือนบัญชีข้อมูลดิจิทัลของหน่วยงาน และผ่านความเห็นชอบจากนายทะเบียนบัญชีข้อมูลหน่วยงาน เพื่อนำเข้าสู่ระบบบัญชีข้อมูลหน่วยงาน สำหรับให้บริการแก่บุคลากรในหน่วยงานในการวางแผน ปฏิบัติงาน ติดตาม และประเมินผล รวมถึงหน่วยงานภายนอกและประชาชนตามสิทธิ์ที่หน่วยงานกำหนด โดยที่การจัดทำบัญชีข้อมูลหน่วยงานควรสอดคล้องตามแนวทางการจัดทำบัญชีข้อมูลภาครัฐ เพื่อให้สามารถลงทะเบียนและให้บริการบัญชีข้อมูลภาครัฐของประเทศ เพื่อใช้ประโยชน์ร่วมกัน
  • ระบบลงทะเบียนบัญชีข้อมูลภาครัฐ (GD Catalog Registration) หมายถึง ระบบสารสนเทศที่ทำหน้าที่ลงทะเบียนบัญชีข้อมูลหน่วยงาน เพื่อเข้าสู่ระบบบัญชีข้อมูลภาครัฐ เช่น รับลงทะเบียน เพิกถอน ปรับปรุงชุดข้อมูล
  • ข้อมูล หมายถึง สิ่งที่สื่อความหมายให้รู้เรื่องราวข้อเท็จจริงหรือเรื่องอื่นใด ไม่ว่าการสื่อความหมายนั้นจะทำได้โดยสภาพของสิ่งนั้นเองหรือโดยผ่านวิธีการใด ๆ และไม่ว่าจะได้จัดทำไว้ในรูปของเอกสาร แฟ้ม รายงาน หนังสือ แผนผัง แผนที่ ภาพวาด ภาพถ่าย ภาพถ่ายดาวเทียม ฟิล์ม การบันทึกภาพหรือเสียง การบันทึกโดยเครื่องคอมพิวเตอร์ เครื่องมือตรวจวัด การสำรวจระยะไกล หรือวิธีอื่นใดที่ทำให้สิ่งที่บันทึกไว้ปรากฏได้
  • ข้อมูลดิจิทัล หมายถึง ข้อมูลที่ได้จัดทำ จัดเก็บ จำแนกหมวดหมู่ ประมวลผล ใช้ ปกปิด เปิดเผย ตรวจสอบ ทำลาย ด้วยเครื่องมือหรือวิธีการทางเทคโนโลยีดิจิทัล
  • ชุดข้อมูล หมายถึง การนำข้อมูลจากหลายแหล่งมารวบรวม เพื่อจัดเป็นชุด ให้ตรงตามลักษณะโครงสร้างของข้อมูล หรือจากการใช้ประโยชน์ของข้อมูล
  • บัญชีข้อมูล (Data Catalog) หมายถึง เอกสารแสดงบรรดารายการของชุดข้อมูล ที่จำแนแยกแยะ โดยการจัดกลุ่มหรือจัดประเภทข้อมูลที่อยู่ในความครอบครองหรือควบคุมของหน่วยงานของรัฐ
  • ข้อมูลเปิดภาครัฐ หมายถึง ข้อมูลที่หน่วยงานของรัฐต้องเปิดเผยต่อสาธารณะตามกฎหมายว่าด้วยข้อมูลข่าวสารของราชการในรูปแบบข้อมูลดิจิทัลที่สามารถเข้าถึงและใช้ได้อย่างเสรี ไม่จำกัดแพลตฟอร์ม ไม่เสียค่าใช้จ่าย เผยแพร่ ทำซ้ำ หรือใช้ประโยชน์ได้โดยไม่จำกัดวัตถุประสงค์
  • ข้อมูลสาธารณะ หมายถึง ข้อมูลที่สามารถเปิดเผยได้ สามารถนำไปใช้ได้โดยอิสระ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลข่าวสาร ข้อมูลส่วนบุคคล ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น
  • ข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง ข้อมูลที่เกี่ยวกับสิ่งเฉพาะตัวของบุคคล ที่ทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ว่าทางตรงหรือทางอ้อม เช่น ข้อมูลการศึกษา ฐานะทางการเงิน ประวัติสุขภาพ ประวัติอาชญากรรม และลายนิ้วมือ เป็นต้น
  • คำอธิบายข้อมูลหรือเมทาดาตา (Metadata) หมายถึง ข้อมูลที่ใช้อธิบายข้อมูลหลักหรือกลุ่มที่เกี่ยวข้องทั้งกระบวนการเชิงธุรกิจ (ในที่นี้หมายถึง กระบวนการทำงานตามภารกิจของหน่วยงาน) และเชิงเทคโนโลยีสารสนเทศ กฎและข้อจำกัดของข้อมูล และโครงสร้างของข้อมูล เมทาดาตาช่วยให้หน่วยงานสามารถเข้าใจข้อมูล ระบบ และขั้นตอนการทำงานได้ดียิ่งขึ้น โดยการบริหารจัดการเมทาดาตา (Metadata Management) เริ่มตั้งแต่การเก็บรวบรวม การจัดกลุ่ม การดูแล และการควบคุมเมทาดาตา ทั้งนี้ ข้อมูลแต่ละชุดควรมีเมทาดาตา เพื่อให้ผู้ใช้งานทราบเกี่ยวกับชุดข้อมูล เช่น รายละเอียดของชุดข้อมูล สิ่งที่เกี่ยวข้องกับชุดข้อมูล วัตถุประสงค์การนำไปใช้ และฟิลด์ข้อมูล เป็นต้น
  • คำอธิบายชุดข้อมูลประกอบด้วยคำอธิบายข้อมูลจำนวน 14 รายการ สำหรับ 1 ชุดข้อมูล ที่หน่วยงานต้องจัดทำและระบุรายละเอียด ได้แก่ ประเภทข้อมูล ชื่อชุดข้อมูล องค์กร ชื่อผู้ติดต่อ อีเมลผู้ติดต่อ คำสำคัญ รายละเอียด วัตถุประสงค์ หน่วยความถี่ของการปรับปรุงข้อมูล ค่าความถี่ของการปรับปรุงข้อมูล ขอบเขตเชิงภูมิศาสตร์หรือเชิงพื้นที่ แหล่งที่มา รูปแบบการเก็บข้อมูล หมวดหมู่ข้อมูลตามธรรมาภิบาลข้อมูลภาครัฐ และสัญญาอนุญาตให้ใช้ข้อมูล
  • Data Visualization คือ การนำเสนอหรือการแสดงข้อมูลเชิงปริมาณให้อยู่ในรูปแบบกราฟิก ที่ทำให้ผู้พบเห็นจำได้และเข้าใจง่ายขึ้น อีกทั้งเป็นการนำข้อมูลในเชิงวิชาการหรือเชิงวิจัยมาแปลงเป็นรูปที่เข้าใจง่าย โดยผ่านการวิเคราะห์ข้อมูลมาแล้ว องค์ประกอบหลักของ Data Visualization คือ การรวบรวมข้อมูล (Integrate) การวิเคราะห์ข้อมูล (Analyze) และการแปลงข้อมูลให้เป็นภาพที่เข้าใจง่าย (Visualize)
ประเด็นการประเมิน ผลการดำเนินงาน
1. จัดทำข้อมูลสนับสนุนการขึ้นระบบบัญชีข้อมูลจังหวัด (Area as a Service) (ขั้นต้น) ผ่าน
2. จัดทำ Template 3 (Resource) ที่ระบุแหล่งข้อมูลของชุดข้อมูลที่ถูกจัดในหมวดหมู่สาธารณะ (ขั้นต้น) ผ่าน
3. นำชุดข้อมูลทั้งหมด พร้อมคำอธิบายชุดข้อมูลขึ้นบนระบบบัญชีข้อมูลจังหวัด (ขั้นมาตรฐาน) ผ่าน
4. ชุดข้อมูลที่ถูกจัดในหมวดหมู่สาธารณะ ร้อยละ 100 (เฉพาะจังหวัดเป็นเจ้าของ) ที่ตอบประเด็นสำคัญของจังหวัด ได้รับการลงทะเบียนในระบบบัญชีข้อมูลภาครัฐ (GD Catalog) (ขั้นมาตรฐาน) ผ่าน
5. สรุปผลการวิเคราะห์สารสนเทศในรูปแบบVisualization เพื่อตอบโจทย์ประเด็นสำคัญ (PainPoint) ที่ผู้บริหารในจังหวัดให้ความสนใจผ่านกลไกคณะกรรมการสถิติระดับจังหวัด (ขั้นสูง) ผ่าน

รายละเอียดตัวชี้วัด

คำอธิบาย :

มติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2561 เรื่อง ข้อเสนอหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี เพิ่มเติม ซึ่งอาศัยอำนาจตามมาตรา 50 แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ. 2546 ได้กำหนดแนวทางการขับเคลื่อนการปฏิบัติงานของหน่วยงานภาครัฐสู่การเป็นระบบราชการ 4.0 เพื่อยกระดับประสิทธิภาพของหน่วยงานภาครัฐให้มี
การปฏิบัติงานที่สอดคล้องกับบริบทตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ. 2561 - 2580) แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 และเป้าหมายการพัฒนาสู่ระบบราชการ 4.0 ที่มุ่งเน้นระบบราชการที่เปิดกว้างเชื่อมโยงกัน ยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง และเป็นองค์การที่มีขีดสมรรถนะสูงและทันสมัย โดยกำหนดให้สำนักงาน ก.พ.ร. ดำเนินการสร้างการรับรู้ ความเข้าใจ และเตรียมความพร้อมให้หน่วยงานภาครัฐเกี่ยวกับแนวทางการดำเนินการตามหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดีเพิ่มเติม และแนวทางการพัฒนาสู่ระบบราชการ 4.0 โดยให้หน่วยงานภาครัฐดำเนินการจัดทำแผน/แนวทางพัฒนาให้สอดคล้องตามหลักเกณฑ์ฯ เพิ่มเติม และการพัฒนาสู่ระบบราชการ 4.0 รวมทั้งให้สำนักงาน ก.พ.ร. ดำเนินการตรวจรับรองหน่วยงานภาครัฐในการเป็นระบบราชการ 4.0

PMQA 4.0 คือ เครื่องมือการประเมินระบบการบริหารของส่วนราชการในเชิงบูรณาการ เพื่อเชื่อมโยงยุทธศาสตร์ของส่วนราชการกับเป้าหมายและทิศทางการพัฒนาของประเทศ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นแนวทางให้หน่วยงานภาครัฐพัฒนาไปสู่ระบบราชการ 4.0

เพื่อประเมินความสามารถในการบริหารจัดการภายในหน่วยงานและความพยายามของส่วนราชการในการขับเคลื่อนงานให้บรรลุเป้าหมายอย่างยั่งยืน

การประเมินสถานะของหน่วยงานภาครัฐในการเป็นระบบราชการ 4.0 มี 3 ขั้นตอน ดังนี้

ขั้นตอนที่ 1  การตรวจพิจารณาจากเอกสารการสมัครเบื้องต้น (หากได้ 400 คะแนนขึ้นไป จะผ่านไปประเมินในขั้นตอนที่ 2)

ขั้นตอนที่ 2  การตรวจเอกสารรายงานผลการดำเนินการพัฒนาองค์การสู่ระบบราชการ 4.0 (Application Report) (หากได้ 400 คะแนน จะผ่านไปประเมินในขั้นตอนที่ 3)

ขั้นตอนที่ 3  การตรวจประเมินในพื้นที่ปฏิบัติงาน เพื่อยืนยันผลการตรวจ Application Report

พิจารณาจากผลการประเมินสถานะการเป็นระบบราชการ 4.0 (PMQA 4.0) ได้จากการตรวจประเมินในขั้นตอนที่ 1 โดยเป็นคะแนนเฉลี่ยในภาพรวมทั้ง 7 หมวด ประกอบด้วย หมวด 1 การนำองค์การ หมวด 2 การวางแผนเชิงยุทธศาสตร์ หมวด 3 การให้ความสำคัญกับผู้รับบริการและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย หมวด 4 การวัด การวิเคราะห์ และการจัดการความรู้ หมวด 5 การมุ่งเน้นบุคลากร หมวด 6 การมุ่งเน้นระบบปฏิบัติการ และหมวด 7 ผลลัพธ์การดำเนินการ

เกณฑ์การประเมินตัวชี้วัดการประเมินสถานะของหน่วยงานภาครัฐในการเป็นระบบราชการ 4.0 พิจารณาจากความสามารถของจังหวัดในการพัฒนาการดำเนินงานเพื่อยกระดับผลการประเมินสถานะการเป็นระบบราชการ 4.0 (PMQA 4.0) โดยมีเป้าหมายให้จังหวัดมีคะแนนผลการประเมินในขั้นตอนที่ 1 ของปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ดีขึ้นเมื่อเทียบกับคะแนนผลการประเมินในขั้นตอนที่ 1 ของปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 

เกณฑ์การประเมิน : (สำนักงาน ก.พ.ร. กำหนดค่าเป้าหมาย)

ประเด็นการประเมิน ผลการดำเนินงาน
การประเมินสถานะของหน่วยงานในการเป็นระบบราชการ 4.0 (PMQA 4.0) 414.48 (คะแนน)