พลังงาน

สัดส่วนการใช้พลังงานขั้นสุดท้ายต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศลดลง (Energy Intensity)

รายละเอียดตัวชี้วัด

เป็นตัวชี้วัดปริมาณการใช้พลังงานต่อหน่วยผลผลิตที่ผลิตได้ต่อหน่วยรายได้  ซึ่งปริมาณการใช้พลังงานต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) เป็นเครื่องบ่งบอกถึงประสิทธิภาพของการใช้พลังงานในการผลิตเพื่อก่อให้เกิดรายได้

ตัวชี้วัดประสิทธิภาพการใช้พลังงานที่เป็นสากลและสื่อถึงความสามารถในการแข่งขันของประเทศได้นั้นจะเทียบกับหน่วยผลผลิตภาพใหญ่ของประเทศซึ่งคือ “ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (Gross Domestic Product) หรือ GDP” โดยถือว่า GDP ซึ่งเปรียบเป็น “รายได้” นั้นคือผลผลิตสุดท้ายของการใช้พลังงาน ในการผลิตผลิตภัณฑ์ (สินค้าหรือบริการใดๆ) ซึ่งทุกประเทศจะมีระบบการเก็บข้อมูลและมีการรายงาน
ค่า GDP ของทุกประเทศ ดังนั้น เมื่อผลผลิตได้เกิดขึ้นจากการใช้พลังงานภาพรวมของประเทศ (ไม่ได้แยกประเภทของพลังงาน) พลังงานที่ใช้ในการผลิตนั้นจะต้องมาจาก “ปริมาณการใช้พลังงานภาพรวมของประเทศ” ดังนั้น ตัวชี้วัดประสิทธิภาพการใช้พลังงานซึ่งถูกกล่าวถึงในเวทีนานาชาติ คือ สัดส่วนของ “ปริมาณการใช้พลังงานภาพรวมของประเทศ” ต่อ “GDP” ซึ่งสัดส่วนนี้จะเรียกว่า “Energy Intensity (EI)”

Energy Intensity (ktoe/Billion Baht)=Final Modern Energy Consumption (ktoe) GDP CVM reference year 2002   (Billion Baht) "Energy Intensity (ktoe/Billion Baht)="  "Final Modern Energy Consumption (ktoe) " /"GDP CVM reference year 2002   (Billion Baht) "

โดยที่ :   Energy Intensity (ktoe/Billion Baht) = ประสิทธิภาพการใช้พลังงาน (พันตันเทียบเท่าน้ำมันดิบ/พันล้านบาท)

  Final Modern Energy Consumption (ktoe) = การใช้พลังงานเชิงพาณิชย์ขั้นสุดท้าย (พันตันเทียบเท่าน้ำมันดิบ)

GDP CVM reference year 2002 (Billion Baht) = ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ โดยใช้วิธีแบบปริมาณลูกโซ่ (CVM :Chain Volume Measures) ปีอ้างอิง พ.ศ. 2545 (พันล้านบาท)

โดยคาดการณ์ว่า ปี 2562 GDP เติบโตไม่ต่ำกว่าร้อยละ 2.7 และราคาน้ำมันดิบไม่ต่ำกว่า 69 ดอลล่าร์สหรัฐอเมริกา/บาร์เรล

ทั้งนี้การวัดผลจะคำนวณจาก GDP จริง ตามที่ สศช. โดยมี Lag Time 1 ปี เนื่องจาก สศช. จะประกาศ GDP ปี 2562 ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2563 ดังนั้น ในปี 2563 จะเป็นการรายงานผล EI ทั้งปีของปี 2562